วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

passé composé

passé composé

Le passé composé
Le passé composé (อดีต) ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและสิ้นสุดไปแล้ว เช่น
ฉันได้รับจดหมาย = J’ai reçu une lettre.
เขาไปตลาด = Il est allé au marché.

โครงสร้างของ passé composé ก็คือ Auxiliaire + participe passé

Auxiliaire มีอยู่ 2ตัว คือ V. être กับ V. avoir ผันตามประธานในกาลปัจจุบัน
V. avoir = j’ai, tu as, il a, elle a, ils ont, elles ont, nous avons, vous avez + participe passé
V. être = je suis, tu es, il est, elle est, ils sont, elles sont, nous sommes, vous êtes + participe passé

ส่วนใหญ่เราจะใช้ V. avoir เป็น Auxiliaire แต่ก็มีกริยาอยู่ประมาณ 20 ตัว และกริยาที่เรียกว่า Verbe pronominal หรือ Verbes pronominaux ถ้าเป็นพหูพจน์ ที่เราต้องใช้ V. être เป็น Auxiliaire

Verbes เหล่านี้ก็คือ rester, tomber, rentrer, entrer, partir, repartir, sortir, ressortir, arriver, aller, venir, revenir, survenir, advenir, monter, remonter, descendre, redescendre, mourir, naître
ตัวอย่าง
Il est tombé.
Je suis rentré.
Je suis parti.
Elle est arrivée.
Elle est venue
ส่วน Verbes pronominaux ก็อย่างเช่น se laver, se baigner, se coiffer, se lever
ตัวอย่าง Je me suis lavé, Il s’est levé

เมื่อใช้ V. être ต้องระวัง Accords ให้สอดคล้องกับประธาน( sujet )ด้วย

- ถ้าประธานเป็นเพศหญิงคนเดียวหรือ อย่างเดียวเพราะอาจเป็นสิ่งของ ที่ participe passé เราต้องเติม e เช่น Je suis partie = ฉัน(ผู้หญิง)ไปแล้ว
ถ้า « ฉัน » เป็นเพศชายก็ไม่ต้องต่อเติมอะไร Je suis parti.
อีกตัวอย่างหนึ่ง นาฬิกาผมตก = Ma montre est tombée ประธานคือ นาฬิกา เป็นเพศหญิง

-ถ้าประธานเป็นเพศหญิงพหูพจน์ ให้เติม es ที่ participe passé เช่น Elles sont arrivées. Les portes sont fermées

-ถ้าประธานเป็นเพศชายพหูพจน์ให้เติม s ที่ participe passé เช่น Mes parents sont allés au cinéma.

สรุป :

Sujet /féminin /singulier *** ประธาน / เพศหญิง / เอกพจน์ เติม e
Sujet /féminin / pluriel *** ประธาน / เพศหญิง / พหูพจน์ เติม es
Sujet / masculin / singulier *** ประธาน / เพศชาย / เอกพจน์ ไม่เติมอะไร
Sujet / masculin / pluriel *** ประธาน/ เพศชาย / พหูพจน์ เติม s

Participe passé

-ของ กริยากลุ่มที่ 1 จะลงท้ายด้วย é โดยเปลี่ยน er เป็น é เช่น
manger= mangé
chanter= chanté
tomber = tombé

-ของกริยากลุ่มที่ 2 จะลงท้ายด้วย i โดยเปลี่ยน ir เป็น i เช่น
finir = fini
choisir = choisi

-ของกริยากลุ่มที่ 3 ต้องจำเอาหน่อยเพราะไม่มีหลักตายตัว จะลงท้ายด้วย :
U เช่น
courir = couru
venir = venu
descendre = descendu
boire = bu
vouloir = voulu

I เช่น
partir = parti
sortir = sorti
rire = ri
sourire =souri
suivre = suivi

อาจเป็น is, os, us เช่น
prendre = pris
apprendre = appris
asseoir = assis
mettre = mis
dissoude = dissous
inclure = inclus

T อาจเป็น ait, int, it, ort, ert …

- V. กลุ่มที่ลงท้าย ire เราจะเปลี่ยนเป็น it เช่น
dire = dit
écrire = écrit
faire = fait
frire = frit

- V. กลุ่มที่ลงท้าย indre เราจะเปลี่ยน dre เป็น เช่น
craindre = craint
joindre = joint
peindre =peint

-V. กลุ่มที่ลงท้าย uire เราจะเปลี่ยน uire เป็น uit เช่น
Conduire = conduit,
construire = contruit,
cuire = cuit,
détruire = détruit

- V. กลุ่มที่ลงท้าย rir เราจะเปลี่ยน ert เช่น
Couvrir = couvert
ouvrir = ouvert
offrir = offert
souffrir = souffert

ลองทำแบบฝึกหัดดูนะแต่ห้ามแอบดูคำตอบก่อนนะจ้ะ

แบบฝึกหัด Passé composé ที่ใช้ V. avoir เป็น Auxiliaire

1. A cause de to i, je (être) ............................... en retard au bureau.
2. Ils (demander) ............................... un renseignement à l'hôtesse.
3. Tu (oublier) ............................... tes clés.
4. Il (faire) ............................... tous ses devoirs vendredi soir.
5. Nous (nager) ............................... dans les eaux claires de l'Océan indien.
6. Vous (prendre) .............................. trop de médicaments.
7. Elle (faire) ............................... un chèque de trois mille francs.
8. Ils (dormir) ............................... jusqu'à midi !
9. L'avion (décoller) ............................... avec trois heures de retard.
10. Nous (téléphoner) ......................... à la police.
11. Hier soir, nous(regarder) .............................. la télévision.
12. Ce matin, elle (écouter) ..................... la radio.
13. Hier midi, ils (déjeuner) ........................... au restaurant.
14. Dimanche, je (piqueniquer) ......... dans la forêt.
15. Mardi, il (jouer) .......................... .au football.
16. Avant-hier, vous (téléphoner) ......... à ce client.
17. L'année dernière, tu (visiter) ...................... l’Angleterre et le Danemark.
18. Hier, je (acheter) .............................. un nouveau pantalon.
19. Dans ma jeunesse, je (voyager).................. tout autour du monde.
20. La semaine dernière, nous (envoyer) ............. un colis en Thaïlande.
21. Hier, elle (prendre).......................... le métro.
22. Il est content, il (finir)................... ses devoirs.
23. Ma femme (inviter) .............................. ses parents pour le week-end.
24. Nous (être).................... malades toute la nuit.
25. Tu (avoir) .............................. de la chance, tu as un beau bébé !.
26. Ils (avoir) ............... un bébé en décembre 78.
27. Qu'est-ce que vous (boire) .............. hier soir ?
28. Est-ce que tu (voir)....................... le dernier film de Spielberg ?
29. Qui (payer) .............................. l'addition ?
30. Il (être) .............................. content de voir tous ses amis réunis.

คำตอบ 

1. j'ai été
2. ils ont demandé
3. tu as oublié
4. il a fait
5. nous avons nagé
6. vous avez pris
7. elle a fait
8. ils ont dormi
9. l'avion a décollé
10. nous avons téléphoné
11. nous avons regardé
12. elle a écouté
13. ils ont déjeuné
14. j'ai piqueniqué
15. il a joué
16. vous avez téléphoné
17. tu as visité
18. j'ai acheté
19. j'ai voyagé
20. nous avons envoyé
21. elle a pris
22. il a fini
23. ma femme a invité
24. nous avons été
25. tu as eu
26. ils ont eu
27. vous avez bu
28. tu as vu
29. qui a payé
30. il a été

ภูมิอากาศ ประเทศฝรั่งเศส

ภูมิอากาศ ประเทศฝรั่งเศส

         ปารีสมีอุณหภูมิแบบมหาสมุทร อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 7 – 15 องศาเซลเซียส จึงทำให้มีฝนตกได้ทุกฤดูกาล เรียกว่าถ้าจะเดินทางไปปารีสต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ โดยส่าวนมากฝนจะตกในช่วงเดือนมกราคม และเดือนกุมภาพันธ์
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางขึ้นอยู่กับรสนิยมและความชอบของนักท่องเที่ยวแต่ละคน โดยแบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล ประกอบด้วย
ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายเดือนมีนาคม-เดือนมิถุนายน) สำหรับผู้ชื่นชอบดอกไม้ใบไม้ที่กำลังผลิดอกออกบาน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ประมาณ 10 -18 องศาเซลเซียส อากาศกำลังเย็นสบาย หรืออาจจะเย็นจัดซักหน่อย สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยควรเตรียมเสื้อผ้าที่ไม่หนามาก อย่างเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวและเสื้อแจ็คเก็ตหรืออาจจะเตรียมผ้าพันคอ และถุงมือเผื่อไปด้วย
ฤดูร้อน (เดือนกรกฎาคม – กันยายน ) ระยะเวลากลางวันจะยาวนาน ทำให้สามารถเที่ยวได้อย่างสนุกสนาน และเที่ยวสถานที่ต่างๆได้หลากหลายในแต่ละวัน อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 20 – 30 องศาเซลเซียส ควรเลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย อาจนำผ้าคลุมไหล่หรือแจ็คเก็ตเนื้อเบาบางติดไปด้วย
ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายเดือนกันยายน – ธันวาคม) เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่น่าสนใจเนื่องจากเมืองทั้งเมืองจะเต็มไปด้วยใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี อากาศดี แต่อาจมีฝนตกเล็กน้อย อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10 – 18 องศาเซลเซลเซียส จึงควรพกร่มหรือเสื้อกันฝนติดตัวไปด้วย
ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม – มีนาคม) หากชื่นชอบความหนาวเย็นแบบสุดๆ อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ประมาณ -1 – 5 องศาเซลเซียส ควรเตรียมเสื้อผ้าที่หนาสามารถต้านทานอากาศหนาวเย็นได้ และอาจเตรียมเสื้อแจ็คเก็ตหรือลองจอห์นที่ให้ความอบอุ่นดี

ค่าครองชีพในประเทศฝรั่งเศส

ค่าครองชีพในประเทศฝรั่งเศส

 
ด้วยสถานภาพความเป็นนักศึกษา นักศึกษาต่างชาติได้รับส่วนลดมากมายเท่ากันกับนักศึกษาชาวฝรั่งเศส ดังนั้นงบประมาณค่าใช้จ่ายรายเดือนเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1 000 ยูโรในปารีส และ 800 ยูโรในเมืองอื่นๆ (รวมค่าเช่าที่พักแล้ว)
ต่อไปนี้เป็นรายการแสดงราคาสินค้าต่อ 1 รายการ (ซึ่งอาจจะต่ำลงนอกเขตปารีส)
อาหารและมื้ออาหาร
  • ขนมปังฝรั่งเศส 1 ก้อน : 0.80 ยูโร
  • กาแฟ 1 ถ้วย : 1-2 ยูโร
  • เนยแข็ง 1 ชิ้น : 2 ยูโร
  • ครัวซองต์ 1 ชิ้น : 1 ยูโร
  • พาสต้า 1 กิโลกรัม : 1 ยูโร
  • มันฝรั่ง 1 กิโลกรัม : 1.20 ยูโร
  • ข้าว 1 กิโลกรัม : 1.90 ยูโร
  • นม 1 ลิตร : 1.20 ยูโร
  • ไข่ 6 ฟอง : 1.50 ยูโร
  • อาหาร 1 มื้อในโรงอาหารมหาวิทยาลัย : 3 ยูโร
  • อาหาร 1 มื้อในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด : 7 ยูโร
  • อาหาร 1 มื้อในร้านอาหารทั่วไป : 10-20 ยูโร
  • แซนวิช 1 ชิ้น : 3-5 ยูโร
การขนส่ง
  • บัตรโดยสารขนส่งสาธารณะรายเดือนในปารีส :  ตั้งแต่ 60 (ในปารีส) ถึง 123 (ชานเมือง) ยูโร
  • น้ำมันเบนซิน  1  ลิตร  : 1.40 ยูโร
  • จักรยานเช่า 1  คัน : 1 ยูโรต่อวัน
  • ตั๋วเครื่องบินไปกลับปารีส – บาร์เซโลน่า 1 เที่ยวบิน : 100 ถึง 150 ยูโร
  • ตั๋วรถไฟทาลิสไปกลับปารีส – บรัสเซล – อัมสเตอร์ดัม : 100 ถึง120 ยูโร
  • ตั๋วรถไฟยูโรสตาร์ไปกลับปารีส – ลอนดอน  : 100 ถึง 150 ยูโร
  • ตั๋วรถไฟ TGV ไปกลับปารีส – นีซ : 140 ยูโร (ราคาถูกกว่าถ้าจองล่วงหน้า)
วัฒนธรรมและสันทนาการ
  • เป็นสมาชิกอินเทอร์เน็ต ค่าใช้จ่ายประมาณ 20 - 50 ยูโรต่อเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้จัดจำหน่าย
  • ลงทะเบียนเป็นผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ : ค่าใช้จ่าย 30 ยูโรต่อเดือน ขึ้นอยู่กับผู้จัดจำหน่าย
  • ค่าเข้าชมภาพยนต์ราคานักศึกษา : ประมาณ 7.50 ยูโร (บัตรเหมาจ่ายชมได้ไม่จำกัด 30 ยูโรต่อเดือน)
  • ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ : ประมาณ 5 - 10 ยูโร
  • ค่าเข้าใช้บริการสระว่ายน้ำราคานักศึกษา : 1.70 ยูโร
  • หนังสือพิมพ์  1 ฉบับ : 1.20  ยูโร
  • เครื่องเล่น DVD  1  เครื่อง : 50 - 150 ยูโร
  • เครื่องเล่น MP3 1 เครื่อง : 20 - 150 ยูโร
  • หนังสือ 1 เล่ม : ประมาณ 6  ยูโร
  • โรงแรม 1 คืนในห้องพักแบบมาตราฐาน : 60 ยูโร
  • ค่าเข้าชมละครในโรงละคร 1 ที่นั่ง : 10 - 30 ยูโร
 

สกุลเงินฝรั่งเศส

สกุลเงินฝรั่งเศส ใช้สกุลยูโร (EUR) เช่นเดียวกับประเทศในแถบยุโรปอื่นๆ โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 ยูโรแลกได้ประมาณ 40 บาท โดยสามารถแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลยูโรได้ที่ธนาคารต่างๆ จากเมืองไทย สนามบิน หรือร้านแลกเปลี่ยนเงินตราของเอกชน หากต้องการแลกเปลี่ยนเงินตราในฝรั่งเศสสามารถทำได้ที่ธนาคาร โดยในปารีสธนาคารส่วนใหญ่จะเปิดทำการในวันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่ 10.00 - 17.00 น. นอกจากนี้ยังสามารถเบิกเงินสดได้จากตู้กดเงิน (AIM) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตธุรกิจ และย่านการค้าต่างๆ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เงิน ฝรั่งเศส

10 เมนูที่ต้องลองเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส

10 เมนูที่ต้องลองเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส

written by Lalida Puengklai เมษายน 16, 2018
10 เมนูที่ต้องลองเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศส
Also available in: enEnglish ja日本語 ko한국어 esEspañol
เมนูอาหารฝรั่งเศสที่ชอบคืออะไรกันบ้าง? สตูว์เนื้อแบบบูร์กอญ (boeuf bourguignon) ซุปหัวหอม (soupe à l’oignon) หรือ แครมบรูว์เล (creme brulée)? สำหรับคนที่เคยมาปารีส มีร้านโปรดร้านไหนที่มาทีไรก็ต้องไปกินรึเปล่า?
แต่เอาจริงๆ ไม่ว่าจะเคยมาหรือไม่เคยมา แต่ถ้าเป็นสายกิน หรือแบบว่า มาฝรั่งเศสทั้งทีก็ต้องกินเมนูนี้สิ! บอกเลยว่าห้ามพลาดบทความนี้นะ เพราะเราได้คัดสรร 10 เมนูห้ามพลาดในฝรั่งเศสมาเสิร์ฟถึงที่แล้ว
เชื่อเราเหอะ รู้รึเปล่าว่าอีกชื่อของประเทศฝรั่งเศสเนี่ย คืออะไร… สวรรค์แห่งอาหาร ;

คร็อก-เมอซีเยอ (CROQUE MONSIEUR)

 รูปภาพจาก:  Blog Vélib
รูปภาพจาก: Blog Vélib
โอ้โห หวานใจเมนูที่ชื่นชอบของความฝรั่งเศส ต้องนี่เลย “คร็อก-เมอซีเยอ (Croque Monsieur)” ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1910 ในร้านเล็กๆแถวเขตโอเปร่าในปารีส เมนูนี้เป็นแซนด์วิชที่เหมาะสำหรับมื้อกลางวันมากๆ ประกอบไปด้วยขนมปัง 2-3 แผ่น แฮม ชีส เนย และบางที่ก็ใส่ เบชาเมลซอส (bechamel) ด้วย ซึ่งเป็นซอสขาวที่ปกติจะเอาไว้เสิร์ฟกับสลัด จากนั้นก็เอาแซนด์วิชไปอบ ลองคิดถึงชีสเยิ้มๆ กลิ่นหอมๆดูสิคะ โอ้ย จะอดใจไม่ไหว!
La Maison du Croque Monsieur, 37 Boulevard du Montparnasse, 6th arrondissement (เขต 6)

สตูว์เนื้อแบบบูร์กอญ (BOEUF BOURGUIGNON)

 รูปภาพจาก: Chez René Facebook
รูปภาพจาก: Chez René Facebook
Boeuf bourguignon คือสตูว์เนื้อตุ๋นในไวน์แดง พร้อมกับหอมใหญ่ เห็ด และเนื้อหมูชิ้นสดๆแบบลาด่อง (lardon – เป็นการหั่นแบบชิ้นเล็กๆ) เมนูนี้ส่งตรงมาจาก Burgundy เลยนะคะ ลองคิดถึงความนุ่มของเนื้อตุ่นสิกับรสไวน์แดงสิ…
Chez René, 14 Boulevard Saint-Germain, 5th arrondissement (เขต 5)

ไก่ตุ่นไวน์แดง (COQ AU VIN)

 Photo credit: Culture Trip
Photo credit: Culture Trip
Coq au vin คือไก่ตุ๋นกับไวน์แดง เบคอน และเห็ดต่างๆ โดยไวน์แดงที่เอามาใช้ทำอาหารเนี่ยนะคะ ส่งตรงมาจาก Burgundy เลยนะ แต่ว่าไม่ใช่ทุกๆที่ในฝรั่งเศสที่จะใช้ไวน์จาก Burgundy เสมอไป อาจจะใช้ไวน์จากที่อื่นๆบ้างแต่รสชาติก็ยังอร่อยอยู่เหมือนเดิมเลยล่ะค่ะ! แต่ถ้าจะให้แนะนำร้านที่เขาทำเมนูไก่ตุ๋นไวน์แดงได้อร่อยมากๆเลยเนี่ย ก็ต้องที่ย่านแซงต์ แฌร์แม็ง เดส์ เพร (Saint Germain des Près) ที่กรุงปารีสนี่แหละค่ะ ร้านอาหารที่่ว่านี้ก็คือ Café Procope เป็นร้านอาหารและคาเฟ่ที่เก่าแก่ที่สุดในปารีสเลย ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1684 เคยเป็นสถานที่ที่เหล่าศิลปินและนักอัจริยะต่างๆในสมัยนั้นมานั่งคุยนั่งเล่นกัน ในช่วงการปฏิวัติประเทศฝรั่งเศส ร้านอาหารแห่งนี้ก็เคยเป็นสถานที่ที่นักปฏิบัติเคยมานั่งประชุมกันด้วยนะ อย่าลืมนะคะ ถ้าได้มาที่ร้านอาหารแห่งนี้แล้ว อย่าลืมสั่ง coq au vin นะ
Café Procope, 13 Rue de l’Ancienne Comédie, 6th arrondissement (เขต 6)

ซุปหัวหอม (SOUPE À L’OIGNON)

 รูปภาพจาก: Pangcouver
รูปภาพจาก: Pangcouver
ทำเป็นเล่นไป เห็นชื่อธรรมดาๆแบบนี้ รสชาติกับส่วนผสมไม่ธรรมดานะ ซุปหัวหอมหรือ soupe à l’oignon เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสเลยทีเดียว ส่วนผสมก็มีน้ำสต๊อกเนื้อ หัวหอม ออนท๊อปด้วยชีส และขนมปัง หลายคนบอกว่าเมนูนี้ได้รับการสรรค์สร้างโดยกษัตริย์หลุยส์ที่ 5 เกิดจากเมื่อพระองค์ทรงล่าสัตว์และทรงโปรดที่จะรับประทานอาหาร และส่วนประกอบ ณ ตอนนั้นก็มีแต่หัวหอม เนย และแชมเปญ
Le Pied de Cochon, 6 Rue Coquillière, 1st arrondissement (เขต 1)

ฟัวกรา (FOIE GRAS)

 รูปภาพจาก:  TripAdvisor
รูปภาพจาก:  TripAdvisor
ฟัวกรา (Foie Gras) หรือที่เรารู้จักกันในนาม ‘ตับห่าน/เป็ด’ นี่แหละค่ะ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่หรูหราและเลิศรสมากๆ เมนูที่ขึ้นชื่อนี้มาจากทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ฟัวกราของที่นี่มีความพิเศษมาก และจะเสิร์ฟพร้อมกับ “magret de canard” (ส่วนอกของเป็ด) และ “confit de canard” (เป็ดกงฟีย์) ด้วย ต้องลองๆ
Comptoir de la Gastronomie, 34 Rue Montmartre, 1st arrondissement (เขต 1)

หอยทาก (ESCARGOTS)

เมืองที่ขึ้นชื่อเมนูหอยทากมากที่สุดในฝรั่งเศสก็ต้อง Burgundy เลยค่ะ เมนูหอยทากที่นี้จะถูกเสิร์ฟพร้อมกับเนยพาสลีย์ และตัวหอยก็ยังอยู่ในเปลือกของมันด้วยนะคะ สดมากๆเลย แต่ถ้าอยากจะทำอาหารกินเองก็ลองเอาหอยทากไปอบกับเนยนะ หรือจะอบกับไวน์แดง หรือน้ำสต๊อกไก่ก็ได้ อร่อยไม่แพ้ไปนั่งร้านอาหารแพงๆเลยล่ะ ใครติดใจอยากจะลองดู ลองเข้าไปดูบทความของที่เราได้แนะนำร้านอาหารเมนูหอยทากเด็ดในฝรั่งเศส ไว้ให้แล้วด้วยนะคะ
L’Escargot, 38 Rue Montorgueil, 1st arrondissement (เขต 1)

ปอโตเฟอ (POT AU FEU)

 รูปภาพจาก: Le Figaro
รูปภาพจาก: Le Figaro
ปอโตเฟอ (Pot au feu) เป็นเมนูสตูว์เนื้อกับผัก (แครอท, หัวผักกาด, กระเทียม, ผักชีฝรั่ง และหัวหอม) และเนื้อกระดูกอ่อน (หางและไขกระดูก) แค่ส่วนผสมก็น่ากินแล้วใช่ไหมล่ะคะ ส่วนไขกระดูกจากสตูว์เนืี่ย ถ้ากินแบบดั้งเดิมเลยคือจะกินพร้อมกับขนมปังปิ้งโรยด้วยเกลือทะเล ส่วนผักก็จะกินกับมัสตาร์ด Dijon เมนูนี้พร้อมเสิร์ฟให้ความฝรั่งเศสได้ลิ้มรสกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1600 ร้านอาหารที่มีสุดยอดปอโตเฟออยู่ก็ต้องที่ Brasserie Lipp เลยค่ะ อาจจะไม่มีชื่อเสียงเท่าร้าน Café de Flore หรือ Les Deux Magots แต่รสชาติอาหารจาก Brasserie Lipp ก็ไม่แพ้กันเลยล่ะค่ะ และยังเป็นร้านที่เหล่านักอัจฉริยะสมัยก่อนชอบมานั่งชิวกันด้วยนะ
Brasserie Lipp, 151 Boulevard St Germain, 6th arrondissement (เขต 6)

สเต็กกับเฟรนช์ฟรายส์ (STEAK FRITES)

 รูปภาพจาก: Relais Entrecôte
รูปภาพจาก: Relais Entrecôte
สเต็กและเฟรนช์ฟรายส์เป็นเมนูดั้งเดิมของฝรั่งเศสเลย สามารถเข้าไปสั่งเมนูนี้ได้ในเกือบทุกร้านอาหารในฝรั่งเศสเลย เมนูจะเสิร์ฟด้วยเนื้อสเต็กและเฟรนช์ฟรายส์แบบโฮมเมด พร้อมกับซอสสุดอร่อย ชีส และพริกไทย เมนูคลาสสิคในตำนานที่ไม่ว่าจะผ่านไปแค่ไหนคนก็ยังหลงรักอยู่ดี แม้ว่าเกือบทุกร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนูนี้แต่ก็ไม่ใช่ทุกร้านที่จะทำออกมาได้อร่อยถูกปากสายกินทุกคนนะ ถ้าอยากลองเมนูนี้แบบเด็ดๆจริงๆต้องไปที่ Relais de L’Entrecôte ที่ปารีสเลยค่ะ สเต็กและเฟรนช์ฟรายส์ที่นี่เสิร์ฟพร้อมกับซอสสุดลับของทางร้าน อร่อยอย่าบอกใครเลย (แต่บอกเหอะ) อีกร้านหนึ่งที่ทีมงาน INSIDR ช๊อบชอบก็คือ L’Aller Retour โดยสเต็กและเฟรนช์ฟรายส์อยู่ในเมนูพิเศษสำหรับอาหารกลางวันด้วยนะ ไปลองกินและจิบไวน์ไปด้วย โอ้ย น้ำลายไหล
Relais de L’Entrecôte, 20 rue Saint Benoit, 6th arrondissement (เขต 6)
L’Aller Retour, 5 Rue Charles-François Dupuis, 3rd arrondissement (เขต 3)

ไก่อบ (POULET RÔTI)

 รูปภาพจาก:  Pinterest
รูปภาพจาก: Pinterest
ไก่อบ หรือ “Poulet Rôti” เป็นอีกเมนูคลาสสิคของฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นบ้านไหนๆหรือร้านอาหารไหนๆในฝรั่งเศสก็กินเมนูนี้กันทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ ไก่ที่ใช้ในเมนูนี้ส่วนใหญ่จะเป็นไก่ที่ถูกเลี้ยงโดยให้กินหญ้า ถ้าอยากจะลองลิ้มรสดูล่ะก็ ไปที่ตลาดนัดขายอาหารของชาวฝรั่งเศสเลยค่ะ เพราะมีไก่อบให้เลือกกันหลายร้านเลย และชาวฝรั่งเศสเขาก็ขายเฉพาะไก่อบสดๆใหม่ๆด้วยนะ
อยากรู้ว่าต้องไปตลาดนัดไหนดี ก็ลองเข้าไปดูได้ที่บทความนี้เลยค่ะ 😉

แครมบรูว์เล (CREME BRULÉE)

 รูปภาพจาก: Gastro & Co
รูปภาพจาก: Gastro & Co
แครมบรูว์เล (Creme brulée) เป็นเมนูของหวานสุดคลาสสิคของฝรั่งเศสที่พลาดไม่ได้เลยล่ะค่ะ โดยส่วนผสมก็จะมีคัสตาร์ดที่ทำมาจากไข่สดๆ ตบท้ายด้วยคาราเมลอบด้านบน คุณจะได้ลิ้มรสกับคัสตาร์ดวานิลลาเนื้อละเอียดอ่อนและอ่อนๆกลิ่นของดอกส้ม สามารถสั่งเมนูนี้ได้จากร้านอาหารฝรั่งเศสเกือบทุกร้านเลยล่ะค่ะ แต่ถ้าเด็ดจริงๆต้อง La Fontaine de Mars ทีมงานไปลองมาแล้ว อร่อยมากจริงๆ ใครไปเที่ยวหอไอเฟลก็แวะไปได้ค่ะ ร้านอยู่ไม่ไกลจากหอไอเฟลเลย

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2561

ฤดูในประเทศฝรั่งเศส

ฤดูในประเทศฝรั่งเศส
 
  • ฤดูใบไม้ผลิ ( le printemps )
  • ฤดูร้อน( l'été )
  • ฤดูใบไม้ร่วง ( l'automne )
  • ฤดูหนาว ( l'hiver ) 
  •  

ศาสนาและวัฒนธรรมฝรั่งเศส

ศาสนาและวัฒนธรรมฝรั่งเศส

 นิกายโรมันคาทอลิก เป็นศาสนาของกลุ่มประชากรผู้ใช้ภาษาโรแมนซ์หรือภาษาละติน ยกเว้นโรมาเนีย ประชากรนับถือนิกายออร์โธดอกซ์ ประชากรกลุ่มภาษาอื่น เช่น ไอร์แลนด์ เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย เช็ก สโลวัก ฯลฯ

3.2 นิกายโปรเตสแตนต์ เป็นศาสนาของกลุ่มประชากรในกลุ่มสแกนดิเนเวีย ฟินแลนด์ เอสโตเนีย ลัตเวีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร
3.3 นิกายออร์โธดอกซ์ เป็นศาสนาของประชากรในประเทศคาบสมุทรบอลข่านและยุโรปตะวันออก เช่น กรีซ บัลแกเรีย มาซิโดเนีย ยูโกสลาเวีย โรมาเนีย รัสเซีย ยูเครน ฯลฯ

วัฒนธรรมของฝรั่งเศสชาวฝรั่งเศสมีวัฒนธรรมการนอนกลางวัน จึงส่งผลให้ประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศสชอบนอนกลางวันตามไปด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนลึกของวัฒนธรรม คล้ายคลึงกับของอังกฤษและอิตาลีอยู่แล้ว ไม่สามารถแบ่งได้ชัดเจนเด่นชัด เช่น การจับมือ ภาษา เป็นต้น เนื่องจากชนพื้นเมืองเป็น ชนผิวดำ และสีผิว จึงได้วัฒนธรรมตามกันมา

ชาวฝรั่งเศสมีวัฒนธรรมการนอนกลางวัน จึงส่งผลให้ประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศสชอบนอนกลางวันตามไปด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนลึกของวัฒนธรรม คล้ายคลึงกับของอังกฤษและอิตาลีอยู่แล้ว ไม่สามารถแบ่งได้ชัดเจนเด่นชัด เช่น การจับมือ ภาษา เป็นต้น
สิ่งที่ควรทำ – ไม่ควรทำ
1.คุณสามารถกล่าวทักทายว่าบงชู (Bonjour) ซึ่งหมายถึงสวัสดีตอนเช้า
หรือบงซัว (Bonsoir) ที่หมายถึงสวัสดีตอนเย็น
กล่าวลาเมื่อจะจากไปด้วยคำว่า โอ”เครอ”วัว (Au revoir) ที่แปลว่า ลาก่อน
และกล่าวขอบคุณว่า แม็กซิ (Merci) ได้
2. วิธีทักทายสำหรับคนที่รู้จักกันนั้นคือการแลกจูบแก้มซึ่งกันและกัน ไม่ว่าคู่ทักทายของคุณจะเป็นหญิงหรือชาย ตามงานพิธีต่างๆ ชาวฝรั่งเศสใช้วิธีชนแก้มกันทั้งสองข้าง (la bise) ว่ากันว่าชาวปารีสนิยมแนบแก้มกันถึง 4 ครั้ง ถ้าเป็นเมืองนอกเขตปารีสทำเพียง 2 ครั้ง
3. เมื่อไปรับประทานอาหารตามภัตราคารอย่าตะโกนเรียกบริกรว่า”การ์ซ็อง (garçon)” ที่ตรงกันกับภาษาอังกฤษว่า boy ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสถือว่าไม่ สุภาพ ควรเรียกว่าเมอซิเออร์ และกล่าวคำว่า ซิล วู เปล ซึ่งแปลว่ากรุณา เวลาสั่งอาหารหรือขออะไรเพิ่มเติมจึงถือว่าสุภาพและควรถอดหมวก เสื้อคลุม โอเวอร์โค๊ดหรือแจ้กเก็ต เพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ก่อนทุกครั้ง
4. สนามหญ้าในฝรั่งเศสมีไว้ให้ดูและชื่นชมความเขียวชอุ่ม ห้ามแตะต้องเด็ดขาด ยกเว้นตามสนามหญ้าที่เปิดเป็นสาธารณะ หากคุณละเมิดกฏเข้าไปในสนามหญ้าซึ่งมีป้าย pelouse interdite แปลว่า สนามหญ้าห้ามเข้า กำกับอยู่ ถือว่าคุณทำผิดกฏหมาย
5. เมื่อชาวฝรั่งเศสต้องการโบกมือลาเขาจะยกมือพร้อมกับขยับนิ้วขึ้นลง ๆ
6. รถแท็กซี่ในฝรั่งเศสนั่งได้ 3 คน เฉพาะที่ตรงด้านหลังคนขับเท่านั้นที่นั่งด้านขวามือข้างหน้าคู่กับคนขับ นั้น มักไว้ให้เป็นที่นั่งของสัตว์เลี้ยง

ขนบธรรมเนียมและประเพณีของฝรั่งเศส

1. French Greetings (the French kiss)
วิธีการทักทายของชาวฝรั่งเศสก็เป็นอย่างหนึ่งที่เพื่อนๆอาจรู้สึกไม่ชิน นอกจากการจับมือแล้ว การจูบกันด้วยแก้มทั้งสองข้างก็เป็นทักทายเช่นกัน หากเป็นเพื่อนสนิทจะจูบแก้มกันสามครั้งขึ้นไป แล้วแต่ธรรมเนียมของแคว้นนั้นๆ
2. Tipping in France
โดยปกติในฝรั่งเศสจะไม่นิยมให้ทิปกัน แต่สำหรับพนักงานที่ให้บริการดีแล้วเราพอใจอยากจะให้ทิป ก็สามารถให้ได้ แต่ควรจะให้อย่างต่ำ 1 ยูโรครับ ถ้าต่ำกว่านี้อย่าให้เลยดีกว่า เพราะจะดูน่าเกลียดแทนที่จะดูดี
3. French cuisine
คนฝรั่งเศสกินอาหารแบบเรียงตามลำดับหรือคอร์ส  จบไปทีละคอร์ส  โดยทั่วไปจะมี 3 คอร์สคือ entré,  plate principal และ cheese course หรือ dessert  ถ้าเสิร์ฟแบบเต็มยศก็เพิ่มอีกสามเป็น  6 คอร์สโดยเริ่มจาก  aperitif หรือออร์เดิร์ฟ  แล้วเป็น entré ซึ่งมักจะเป็นซุป ตามด้วยอาหารจานหลักที่เป็นเนื้อสัตว์  ต่อด้วยสลัดแล้วตามด้วยเนยแข็งสารพัดชนิด ปิดท้ายด้วยของหวานหรือผลไม้พร้อมกับกาแฟ  ส่วนขนมปัง ไวน์ และน้ำแร่จะมีเสิร์ฟตลอดเวลาที่กินอาหาร
4. French etiquette at meals
คนฝรั่งเศสใช้มีดและส้อมในการกินอาหารเกือบทุกอย่าง  ไม่เว้นแม้กระทั่งเฟร้นฟรายส์  โดยถือมีดด้วยมือขวา และมือซ้ายถือส้อม ไม่มีการเปลี่ยนมือไปมาเหมือนคนอเมริกัน และที่สำคัญจะต้องวางมือไว้บนโต๊ะ ไม่วางไว้บนหน้าตัก นอกจากนี้ยังมีมารยาทบนโต๊ะอาหารอื่นๆที่ควรต้องเรียนรู้อีกมาก

ชุดประจำชาติฝรั่งเศส

ผู้ชายจะสวมวิกที่เรียกว่า Cadogan (กาโดกอง) มีม้วนเป็นหลอดอยู่สองข้าง รูปทรงของหมวกและการผูกผ้าพันคอของผู้ชาย สวมเสื้อคลุมยาวปิดสะโพก นุ่งกางเกงรัดขา ใส่ถุงเท้ายาว เสื้อชั้น ในเป็นเชิ้ต มีจีบระบายที่อกและแขน มีเสื้อตัวสั้น ทับก่อนใส่เสื้อคลุม
ผู้หญิง เป็นเสื้อรัดรูป คอลึก ชุดมีลูกไม้และริบบิ้น  รูปทรงกระโปรงบานในลักษณะวงกลม มีโครงในกระโปรงเรียกว่า Doble Panmiers (โดเบลอ ปองมิเยร์) ตกแต่งเป็นผ้าต่วนไหมและกำมะหยี่ กระโปรงจะมีผ่าหน้าและยกหยัก รั้งด้านข้าง ทั้ง 2 ข้างขึ้น ไปพองอยู่ด้านข้าง 2 ข้าง ด้านหลังด้วยการจับจีบเดรฟ มีโครงกระโปรงที่เรียกว่า สุ่มไก่ ทำด้วยโลหะสามารถกางและหุบได้ ทรงผมประดับด้วยไข่มุก ขนนก และดอกไม้

 

passé composé

passé composé Le passé composé Le passé composé (อดีต) ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและสิ้นสุดไปแล้ว เช่น ฉันได้รับจดหมาย = J’ai r...